หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เด็กผู้ชายกลางสายฝน - ENDING 1


{กลับไปบทความ}



ENDING 1


..
….
ตื๊ด .. ตื๊ด
ร่างสูงเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ดวงตาเรียวรีเหม่อมองเพดานห้องอยู่พักนึงหลังจากปรับโฟกัสได้เขาจึงเริ่มกวาดสายตาไปรอบๆ กลิ่นของยาลอยโชยเข้ามาเตะจมูกทำให้คนตัวสูงเดาได้ไม่ยากว่าตนอยู่ที่ไหน
“ฟื้นแล้วหรอ ซองกยูลูก” หญิงวัยกลางคนเอ่ยหลังจากเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอขยับกายเข้าไปหาคนเป็นลูกชายช้าๆก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสหลังมืออีกฝ่ายแผ่วเบา
“แม่ดีใจที่ลูกฟื้น” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาพลางคลี่ยิ้มบางๆ
“ผมนอนไปนานเท่าไหร่”
“3 อาทิตย์จ๊ะ”
“งั้นหรอครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนภายในห้องจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
หลังจากปอกผลไม้ให้ลูกชายกินจนเสร็จหญิงสาวก็ขอตัวไปคุยกับคุณหมอเรื่องอาการของซองกยูทำให้ชายหนุ่มนอนพักอยู่คนเดียวภายในห้อง ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆก่อนจะเริ่มขยับริมฝีปากพูด
“ซาซิกิวาราชิ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า


หรือว่าเจ้าตัวแสบจะไม่อยู่แถวนี้?
ไม่สิ


มันแปลกๆ


“มยองซู?” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้งพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ภายในห้องเดี่ยวของโรงพยาบาลยังคงเงียบสงบไม่มีร่างที่เขาต้องการเห็นปรากฎขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมก่อนเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติของตนเองแล้ว
“ซาซิกิวาราชิ ฉันไม่เล่นนะ ออกมา!” ซองกยูเริ่มเอ่ยเสียงดังมากขึ้นแต่ภายในห้องยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม


ไม่ใช่แค่ซาซิกิวาราชิเท่านั้นที่ไม่ปรากฎออกมา
มยองซูก็ไม่ปรากฎให้เขาเห็น
อีกทั้งวิญญาณต่างๆด้วย


ปกติในที่ที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมากอย่างโรงพยาบาลต้องมีวิญญาณเดินสวนไปมาขวักไขว่ และยิ่งห้องเดียวแบบเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องมีวิญญาณอยู่สักตนสองตนอยู่แน่ๆ


แต่ที่พวกเขาไม่ปรากฎตัวออกมาแบบนี้
ไม่สิ

พวกเขาไม่ได้ไม่ปรากฎตัวออกมาเพียงแค่…

เขาสูญเสียพลังในการมองเห็นวิญญาณแล้ว


นั้นหมายความว่า
“ฉันจะไม่มีโอกาสเห็นหน้านายอีกงั้นหรอ … มยองซู” น้ำเสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบาก่อนม่านน้ำตาจะค่อยๆก่อนตัวขึ้นภายในดวงตาของเขา
ลูกผู้ชายอย่างคิมซองกยูเป็นคนร้องไห้ยากแต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆเขาก็ร้อง...น้ำตาไหลออกมาดวงตาของเขาช้าๆ เสียงโหยหวนของซองกยูดังลั่นออกไปจนผู้เป็นมารดาต้องรีบกลับเข้ามาดู ฝ่ามือแกร่งทุบทุกอกแกร่งของตัวเองราวกับจะระบายความอัดอั้นออกมา ภายในหัวที่มีใบหน้าของมยองซูในทุกท่วงท่าสลับไปมายิ่งทำให้น้ำตาไหลนองมากกว่าเดิม


ซองกยูไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้มานานแล้ว
ครั้งสุดท้ายคงเป็นตอนมยองซูเสียชีวิต

“พี่ซองกยู..”
ภาพชายหนุ่มร่างสูงร้องไห้ปานจะขาดใจทำให้มยองซูต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มยองซูพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องตามอีกคน ในขณะที่ซาซิกิวาราชิทำได้แค่เพียงก้มหน้าลงและปล่อยให้หยดน้ำตาไหลนองใบหน้า แม้ว่าซองกยูจะมองไม่เห็นเธอแล้วแต่เธอก็ไม่มีความคิดที่จะทิ้งเขาไป
เพราะเขาคือพี่ชายคนสำคัญของเธอ


มนุษย์กับภูติไม่อาจจะอยู่รวมกันได้
พวกเขาอยู่คนละภพ
ไม่ควรรักกันหรือแม้กระทั้งเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ


นี่คือบทลงโทษของคนที่ฝ่าฝืนกฎ

---- Story never ending ----
{ #ภูติน้อยหมิงซู}

เด็กผู้ชายกลางสายฝน - ENDING 2


{กลับไปบทความ}



ENDING 2

..
….
ที่นี่ที่ไหน?
                ดวงตาเรียวรีปรือขึ้นมาช้าๆและกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณที่เขานอนอยู่มีแต่ความว่างเปล่า ห้องสีขาวที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นมานั่งช้าๆก่อนฝ่ามือแกร่งจะขยี้หัวที่ยุ่งฟูของตัวเองให้เข้าทรง คิ้วเรียวขมวดเป็นปมทันทีที่เห็นชุดที่ตนใส่กลายร่างเป็นชุดสีขาวสะอาดทั้งตัว
                เกิดอะไรขึ้น
                ตึก ตึก
                เสียงฝีเท้าดังมาไม่ไหลจากตำแหน่งที่เขานั่งนักทำให้ใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปสบตากับผู้มาใหม่ ชายชราที่มีใบหน้าที่ดูสดใส อิ่มเอมและใจดีมาหยุดยืนตรงหน้าคนตัวสูงก่อนจะยื่นมือมาหาอีกฝ่ายเพื่อจะช่วยฉุดร่างเขาขึ้นมา แม้จะยังสับสนและงุนงงอยู่แต่ฝ่ามือแกร่งก็เอื้อมไปคว้าฝ่ามืออีกฝ่ายไว้และดันร่างตัวเองขึ้นมายืน
                “คุณ..เป็นใครครับ?” นั้นคือประโยคแรกที่เขาเอ่ยถามขึ้น
                แต่ชายชราก็ไม่ตอบคำถามเขาทำแค่เพียงคลี่ยิ้มบางๆให้ยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่ซองกยูเป็นอย่างมาก
                “แล้วที่นี่ที่ไหน คุณพอจะทราบไหมครับ?”
                “ใครใครก็เรียกที่นี่ว่าโลกหลังความตายคราวนี้ชายชราเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนฝ่ามือบางจะผายไปทางด้านนึง เก้าอี้ม้าปรากฎขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่าก่อนชายชราจะเอ่ยเชิญชวนให้อีกฝ่ายไปนั่ง
                “หมายความว่า…”
                “นายได้จากโลกที่นายเคยอยู่ไปแล้ว
                …
                ซองกยูบอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง เขาไม่ได้เสียใจแต่เขาก็ไม่ได้ดีใจ
                “จริงๆนายมาหาพวกเราช้ากว่ากำหนดนะ
                “ช้ากว่ากำหนด?”
                “ช่างเถอะ แต่นายพร้อมฟังสิ่งที่ฉันจะบอกหรือยัง?”
                “พร้อมครับ
                “นายรู้ไหมทำไมมยองซูถึงมาเป็นภูติได้
                “ไม่รู้สิครับน้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบด้วยท่าทีสุภาพแต่อดสงสัยไม่ได้ คนตรงหน้าเขาเป็นใคร ทำไมถึงรู้เรื่องต่างๆดีนัก
                “เพราะว่ามยองซูคือคนที่ถูกพวกเราสวรรค์เลือกนะสิ
                …
                “และนาย..ก็เหมือนกัน นายคือคนที่สวรรค์เลือกแล้ว
                “มะ..หมายความว่า
                “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายมีหน้าที่นำทางวิญญาณที่พึ่งเสียชีวิตไปส่งให้กับนรกและสวรรค์
                ริมฝีปากได้แต่อ้าค้างด้วยความตกใจ เขารู้สึกเหมือนภาระอันใหญ่อึ้งมาตกอยู่ที่บ่าเขาและไม่สามารถปฎิเสธออกไปได้ ฝ่ามือเหี่ยวย่นสัมผัสลงบนไหล่ลาดเบาๆก่อนตบสองสามที
                “ทีนี้ก็สามารถรักกับมยองซูได้แล้วนะ
                นั้นคือคำพูดสุดท้ายของเทพสูงสุดแห่งสวรรค์ก่อนร่างของชายชราจะหายวับไปเหลือไว้เพียงชายหนุ่มที่นั่งอ้าปากค้างอยู่ในพื้นที่เวิ้งว้าง
               
               
               



..
….
ร่างโปร่งแสงค่อยๆลุกขึ้นมาจากกายเนื้อก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยความงุนงง ภาพร่างของตัวเองนอนราบอยู่บนพื้นถนนโดยมีคนรอบข้างพยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ ความงุนงงและสับสนแว๊บเข้ามาในความคิดของหญิงสาวก่อนร่างของชายหนุ่มโปร่งแสงที่เปี่ยมไปด้วยออร่าสีขาวนวลล้อมรอบจะปรากฎขึ้นมา
อัน เฮรินใช่ไหม?”
คะ...ค่ะหญิงสาวเอ่ยรับคำพลางกระพริบตาปริบๆ ดวงตากลมลอบสังเกตใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่จดจ้องหนังสือภายในฝ่ามือแกร่งของเขาก่อนจะปิดตัวหนังสือจนเกิดเสียง
ตามผมมา
ไม่พูดซ้ำสองร่างของทั้งคู่ก็หายลับไปจากท้องถนน หลังจากชายหนุ่มหายลับไปร่างเพรียวก็ค่อยๆขยับตัวออกมาพลางกระตุกยิ้มบางๆ
ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบจริงๆเลยนะ พี่ซองกยู
ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า นับตั้งแต่วันที่ซองกยูเสียชีวิต ซาซิกิวาราชิได้ออกจากบ้านที่ซองกยูเคยพักทำให้กิจการของพ่อซองกยูกลับมาอยู่ในระดับกลางๆเหมือนเดิม หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเธอและซองกยูก็ไม่คิดจะเอ่ยห้ามแม้แต่น้อย
ซองกยูรับผิดชอบการนำทางวิญญาณทุกตนที่ตายภายในเมืองโซลให้กลับไปยังสถานที่ปลายทางไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ก็ตามทำให้เขาเดินทางไปมาระหว่างโลกมนุษย์และโลกอื่นๆอยู่บ่อย เวลาที่เจอกับมยองซูก็น้อยแต่เขาก็มีความสุขดี
ถึงจะน้อยแต่ทุกครั้งที่เจอกันพวกเขาก็เติมเต็มความรู้สึกให้กันและกันอยู่เสมอ
มยองซู
อ้าว นำทางเธอไปเรียบร้อยแล้วหรอมยองซูเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นแฟนหนุ่มของเขายืนอยู่เบื้องหน้า
อืม ก็แค่พาเธอไปโรงพยาบาล เธอแค่วิญญาณหลุดออกจากร่างยังไม่ได้ตายซองกยูตอบพลางขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เมื่อครู่หนังสือนำทางวิญญาณของเขาเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยทำให้เขาเกือบพาเธอไปโลกหลังความตายแล้วแต่ดีที่มันเปลี่ยนคำตอบได้ทันไม่งั้นผู้หญิงคนนั้นได้ตายฟรีแน่นอน
ตอนนี้ว่างยัง?”
ว่างแล้วร่างสูงพยักหน้ารับคำก่อนขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ร่างสูงโอบรั้งเอวบางให้เข้ามาชิดร่างเขาก่อนหน้าผากของซองกยุจะสัมผัสลงบนหน้าผากมนของมยองซูอย่างแผ่วเบาคิดถึง
เหมือนกันร่างเพรียวพึมพำแผ่วเบาก่อนจะยกฝ่ามือบางขึ้นมาสัมผัสแผ่นหลังแกร่งของอีกฝ่าย
รักคำพูดสั้นๆได้ใจความออกจากปากของซองกยูทำให้ร่างเพรียวหน้าขึ้นสีอย่างควบคุมไม่ได้
///////
แล้วนายละ รักพี่ไหม?” ร่างสูงเอ่ยถามพลางเอียงใบหน้าไปใกล้คนร่างเพรียว จมูกโด่งได้รูปไล่กับลำคอระหงส์อย่างหยอกล้อทำให้ร่างเพรียวที่หน้าแดงระเรือถึงกับลมหายใจติดขั้นเพราะความรู้สึกมากมายที่ปะทุขึ้นมา
อะ..อืม
ว่าไง?” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งก่อนจงใจใช้จมูกไล่ขึ้นมาจนถึงพวงแก้มเนียนของอีกฝ่าย
ผมก็รักพี่

มยองซูยาซองกยูพึมพำแผ่วเบาก่อนผละร่างออกจากอีกฝ่ายช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของภูติฝนตัวน้อย



น่ารักแบบนี้..พี่จะอดใจไหวได้ไง
                “อ่ะ...อื้มมมม



                ภูติกับมนุษย์ก็รักกันได้
                ความรักมันไม่มีการแบ่งแยกหรอกและที่สำคัญ





                ซองกยูจะรู้ไหมนะว่าภูติไม่ว่าจะเพศก็สามารถมีลูกได้
                ...

               

               
---- Story never ending ---
{ #ภูติน้อยหมิงซู}






อุแว๊!!!!!
“ซองซูลูกพ่อ!”



อุ๊บส์!




เอ็นดิ้งเถอะ ;p